วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

10 อันดับ เทศกาลสุดแปลกทั่วโลก

1. เทศกาลโดดข้ามทารก - Castrillo de Murcia  ประเทศสเปน
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกในเมืองเล็กๆชื่อ Castrillo de Murcia ประเทศสเปน มีพิธีการเฉลิมฉลองที่แปลกระดับโลก ประเพณีนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1620 โดยต้องใช้เด็กทารกที่เพิ่งเกิดในปีนั้นๆมานอนบนเสื่อ และเพื่อปกป้องเด็กน้อยเหล่านั้นจากบาปกำเนิด, ภูติผีปีศาจ และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ชายแต่งกายในชุดสีเหลืองแดงสดใส ตัวแทนของปีศาจร้าย จะกระโดดข้ามทารกเหล่านั้น เชื่อกันว่าการกระโดดข้ามเด็กทารกของปีศาจดังกล่าวจะหมายความว่าพวกเด็กๆได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจนั่นเอง นับเป็นหนึ่งในเทศกาลที่อันตรายที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ได้ขอให้บาทหลวงสเปนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานเทศกาลนี้เพื่อเป็นการแสดงว่ามันไม่ใช่ประเพณีของนิกายคาทอลิก โดยทางคริสตจักรระบุว่าหนทางเดียวที่จะล้างบาปกำเนิดให้เด็กๆได้ก็คือการเข้าสู่พีธีล้างบาปนั่นเอง 


2. เทศกาลบุฟเฟต์ลิง - จังหวัดลพบุรี  ประเทศไทย
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
หลายๆคนคงคุ้นเคยกันดี เพราะงานนี้เกิดขึ้นที่เมืองไทยเรานี่เอง จังหวัดลพบุรีเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการมีลิงกังเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ชาวบ้านที่นั่นเชื่อว่าลิงกังเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากหนุมาน และหมายถึงโชคลาภ ลิงกังจึงสามารถใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนได้อย่างอิสระ แล้วก็ยังมีการจัดบุฟเฟต์เพื่อเฉลิมฉลองให้พวกลิงด้วยจำนวนผักผลไม้ที่หนักรวมกันกว่า 2,000 กก. เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทางการท่องเที่ยวหวังสร้างให้เป็นเสน่ห์ไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 

3. เทศกาลวิ่งวัวกระทิง - Pamplona ประเทศสเปน
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
เทศกาลวิ่งวัวกระทิงเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Fiesta San Fermin ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-14 กรกฎาคมของทุกปี โดยตัวงานก็ไม่มีอะไรเข้าใจยาก แค่ปล่อยวัวกระทิงดุๆโหดๆให้วิ่งไล่ฟัดคนตามถนนความยาวกว่า 800 เมตร เป้าหมายของงานคือ การที่สามารถเอาตัวรอดจากกระทิงที่ตัวหนักเกือบครึ่งตันและพร้อมจะซัดคุณปลิวได้ทุกเมื่อ นับตั้งแต่ประเพณีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1910 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากงานนี้กว่า 300 คน และถึงขั้นเสียชีวิตไป 15 ราย สาเหตุของการเสียชีวิตทั้งหมดนั้นก็คือการถูกกระทิงขวิด มีเพียง 1 รายเท่านั้นที่ถูกเขาแทงเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามแม้ว่าวัวกระทิงจะดุเดือดต่อคนได้มากแค่ไหน สัตว์ชนิดนี้ก็เป็นที่เคารพนับถือมากในหมู่ชาวสเปน

4. เทศกาลเปลือยหมู่ - โอกายามา ประเทศญี่ปุ่น
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 500 ปีก่อน ผู้ชายจำนวนกว่า 9,000 คนต่างก็เข้าร่วมเทศกาลเปลือยหมู่ที่จัดขึ้นทุกๆปีที่โอกายามา ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงขั้นโป๊เปลือยหมดจด แต่หนุ่มๆพวกนั้นก็นุ่งแค่ผู้เตี่ยวผืนเล็กๆเท่านั้น นักบวชชินโตจะโยนแท่งไม้ที่หมายถึงความโชคดีเข้าไปในหมู่ชายเปลือย คนไหนที่คว้าไม้ทั้งสองชิ้นมาอยู่ในมือได้ก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ ตามประเพณีดั้งเดิมระบุว่าหากชายผู้ชนะนำแท่งไม้ไปปักไว้ในกล่องไม้ใส่เมล็ดข้าว เขาคนนั้นก็จะมีความสุขไปตลอดทั้งปี งานนี้ก็ถือเป็นประเพณีที่ได้รับการนับถือมากๆในโอกายาม

5. เทศกาลสวมเขา - Rocca Canterano ประเทศอิตาลี
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
ทุกๆปีที่เมือง Rocca Canterano จะมีเทศกาลสวมเขา เป็นเทศกาลที่ผู้ชายสวมเขานั้นหมายความว่าถูกแฟนนอกใจ ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยยุคโรมัน ที่นักรบชายต้องออกเดินทางไกลไปรบ พอกลับมาพวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับ 'เขา' เป็นของขวัญ แต่แล้วพอกลับมาถึงบ้านก็พบว่าตัวเองนั้นถูกภรรยานอกใจไปมีสามีใหม่เข้าให้แล้ว ตั้งแต่นั้นมาคำว่า 'สวมเขา' จึงกลายเป็นมีความหมายว่า ผู้ชายที่ถูกภรรยานอกใจนั่นเอง ในเทศกาลที่เมือง Rocca Canterano แห่งนี้ ผู้ชายที่ล้วนเคยถูกนอกใจต่างก็มารวมตัวกันเดินขบวน พร้อมด้วยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการโดน 'สวมเขา' ในงานที่จัดขึ้นเพื่อให้เกียรติและปลอบใจชายผู้โชคร้ายเหล่านั้นนั่นเอง

6. เทศกาลกินแมว - ประเทศเปรู
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
เทศกาลนี้คงไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่เท่าไหร่นัก... โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่หลงรักเจ้าสัตว์เลี้ยงสี่ขาน่ารักน่าชังอย่างแมว เพราะที่เปรู มีงานเทศกาลที่เค้าเลี้ยงแมวเพื่อมาทำเป็นอาหารในงานเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ต้นกำเนิดของงานนี้ก็คือมีครั้งหนึ่งที่ชาวเมืองต้องอดอยากไม่มีจะกิน พวกเขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปจับแมวที่มีอยู่ทั่วเมืองมาเป็นอาหาร ชาวเมืองทั้งหลายก็เลยถือยึดเอาเป็นงานเทศกาลเพื่อรำลึกถึงช่วงเวลานั้นๆ แล้วยังเชื่ออีกว่าการกินแมวช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบและช่วยเพิ่มอัตราการเกิดประชากรอีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่าองค์กรเรียกร้องสิทธิสัตว์ทั้งหลายต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำเช่นนี้เท่าไหร่นัก

7. เทศกาลยานบินต่างดาว - รอสเวลล์ นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
ในเดือนกรกฎาคมปี 1947 ว่ากันว่ามียานบินลึกลับมาตกที่ใกล้ๆกับเมืองรอสเวลล์ โดยสนามบินรอสเวลล์ระบุว่ายานบินนั้นคือ 'จานบินได้' และทำการกู้ซากออกมาจากสถานที่เกิดเหตุ วันต่อมาแถลงการณ์ดังกล่าวก็ถูกยกเลิก ที่ทางการเปลี่ยนเป็นให้ข้อมูลว่าบอลลูนสำรวจสภาพอากาศตก ทำให้เกิดข้อโต้แย้งปะทุในหมู่ชาวเมืองทันที หลายๆคนเชื่อว่ามียานต่างดาวมาลงจอดบนโลกจริงแต่ทางการพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว

60 ปีต่อมา การโต้แย้งนั้นก็ยังไม่จบ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มาลงที่เมืองรอสเวลล์ ชาวเมืองจึงได้จัดงานเทศกาลพาเหรดประจำปี ผู้คนจะพากันใส่ชุดเลียนแบบสิ่งที่พวกเค้าเชื่อว่าเป็นเอเลี่ยน มีการจัดเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญและนักเขียนเรื่องเอเลี่ยนโดยเฉพาะ ส่วนคนที่ไม่ได้เชื่อเรื่องเอเลี่ยนก็สามารถร่วมสนุกในงานเทศกาล และแต่งกายเลียนแบบเอเลี่ยนได้อย่างสนุกสนานด้วยเช่นกัน

8. เทศกาลองคชาติ - เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
ทุกๆปีกลุ่มคนที่มีทั้งชาวพื้นเมือง คู่รักชาวญี่ปุ่น กลุ่มเกย์/เลสเบี้ยน และนักท่องเที่ยวช่างสงสัยจะแห่กันไปที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมเทศกาลสุดแสนจะเพี้ยนที่จัดขึ้นเพื่อเคารพบูชาสัญลักษณ์ของอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย หรือองคชาตินั่นเอง ผู้เข้าร่วมงานจะถูกรายล้อมไปด้วยวัตถุรูปร่างเลียนแบบอวัยวะเพศชาย ไม่ว่าจะเป็นเทียน ช็อคโกแลต ของเล่นทำมือ ที่ต่างก็ทำขึ้นเพื่อบูชาองคชาติ เชื่อกันว่าเทศกาลนี้จะช่วยขจัดโรคร้ายที่ติดต่อผ่านเพศสัมพันธุ์ และช่วยเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรอีกด้วย

9. เทศกาลกลิ้งชีสลงเขา - Gloucestershire ประเทศอังกฤษ
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 เป็นอย่างน้อย ชาวเมืองของที่นี่ก็ขนเอาก้อนชีสของตัวเองมากลิ้งลงเขาให้ผู้เข้าแข่งขันต้องวิ่งไล่ตาม ใครเก็บก้อนชีสได้ ก็เอาก้อนชีสอร่อยๆกลับบ้านไปเลย ฟังดูง่ายแต่เอาจริงๆแล้วกีฬานี้มันท้าทายมากๆ ก้อนชีสที่กลิ้งลงเนินเขามาอาจจะทำความเร็วได้ถึง 110 กม./ชม. ผู้เข้าแข่งขันหลายๆคนต้องหกล้มเลือดตกยางออก หรือแม้แต่แข้งขาหักขณะพยายามวิ่งไล่ตามชีสกันทุกครั้งไป

ต้นตอของเทศกาลนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ไม่จบ บ้างบอกว่าเป็นเทศกาลเพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มการเก็บเกี่ยวผลไม้ บ้างก็บอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัฏจักรชีวิต คือ การสร้าง การปล่อย การไล่ตาม และการเก็บกลับมา แต่ที่แน่ๆก็คือตลอดหลายๆปีที่ผ่านมา เทศกาลนี้ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ไม่น้อย 

10. เทศกาลอัณฑะไก่งวง - เมืองไบรอน อิลลินอยส์
10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก
เทศกาลอัณฑะไก่งวงที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองไบรอน รัฐอิลลินอยส์ ตั้งแต่ปี 1978 ตอนนี้เทศกาลดังกล่าวได้แพร่หลายไปในหลายเมืองเล็กๆทั่วทั้งสหรัฐฯ แต่ถ้าอยากชมความเป็นดั้งเดิมที่สุดก็ต้องเป็นที่เมืองไบรอนส่วนกิจกรรมหลักของเทศกาลนี้ก็คือการกินอัณฑะไก่งวงทอด แล้วยังมีเกมกับกิจกรรมอื่นๆที่ผู้เข้าร่วมต้องอายุเกิน 21 ปีขึ้นไปถึงเข้าแข่งกับเค้าได้ด้วย

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


เครื่องบินคองคอร์ด (Concorde)



เครื่องบินคองคอร์ด (Concorde) เป็นเครื่องบินขนส่งชนิดมีความเร็วเหนือเสียง เป็นหนึ่งในสองแบบของเครื่องบินเร็วเหนือเสียงที่ใช้เป็นเครื่องบินโดยสาร และนำมาให้บริการในเชิงพาณิชย์ โดยใช้เวลาศึกษาวิจัยเป็นเวลา 7 ปี เครื่องคองคอร์ดต้นแบบเครื่องแรกบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1969 ทดสอบและพัฒนาอีก 4 ปี โดยคองคอร์ดเครื่องแรกออกจากสายการผลิตและเริ่มบินทดสอบเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.1973 รวมตั้งแต่เริ่มโครงการจนนำมาผลิตใช้เวลากว่า 13 ปีเต็มใช้เงินในการพัฒนากว่า 1,000 ล้านปอนด์
เครื่องบินคองคอร์ดมีความเร็วปกติ 2,158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเพดานบินสูงสุด 60,000 ฟุต (18.288กิโลเมตร) มีปีกสามเหลี่ยม
การบินเชิงพาณิชย์ของคองคอร์ด ดำเนินการโดยบริติชแอร์เวร์(British Airways) และแอร์ฟรานซ์ (Air France) เริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1976 และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.2003 และมีเที่ยวบิน “เกษียณอายุ” เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ.1976เที่ยวบินลอนดอน-นิวยอร์ก และปารีว-นิวยอร์ก ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยประมาณ 3 ชม.
เครื่องบินคองคอร์ด มีข้อจำกัดในการออกแบบด้านพลศาสตร์ ซึ่งส่วนหัวของเครื่องบินจะต้องเชิดขึ้น ส่งผลให้ทัศนวิสัยของนักบินไม่ดี ผู้ออกแบบได้แก้ไขโดยเพิ่มกลไกปรับส่วนหัวของเครื่องบิน ให้กดลงมา เพื่อให้นักบินมองเห็นสนามบินขณะเครื่องบินขึ้น ลงจอด และขณะอยู่บนแทกซี่เวย์ ส่วนหัวของคองคอร์ดปรับทำมุมกดได้ 12.5°
เครื่องบินคองคอร์ด มีทั้งสิ้น 20 ลำ เป็นเครื่องที่ใช้ในการพัฒนา 6 ลำ ใช้งานเชิงพาณิชย์ 14 ลำ ตก 1 ลำ

การเกิดอุบัติเหตุ

คองคอร์ดมีสถิติเกิดอุบัติเหตุตกเพียงครั้งเดียว คือ เที่ยวบิน 4590 ของแอร์ฟรานซ์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2543 หลังทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานใกล้กรุงปารีว มีผู้เสียชีวิต 113 คน
ผลการสอบสวนสรุปว่าสาเหตุการตก เนื่องจากมีชิ้นส่วนโลหะที่หลุดออกมาจากเครื่องบินดีซี-10 ของ
คอนติเนนตัลแอร์ไลน์ ซึ่งบินขึ้นก่อนหน้านั้น 4 นาที กระแทกกับยางล้อด้านซ้ายของเครื่องเที่ยวบิน 4590 ขณะกำลังเร่งเครื่องเพื่อบินขึ้น ยางล้อเกิดระเบิดและมีชิ้นส่วนของยางกระเด็นไปกระแทกถังน้ำมัน และสายไฟ และเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินได้แจ้งนักบิน นักบินได้ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ และพยายามยกเลิกการบินขึ้น แต่เครื่องบินเสียการทรงตัวและกระแทกพื้น เกิดการระเบิด ผู้โดยสาร 100 คน เจ้าหน้าที่บนเครื่อง 9 คน และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน 4 คน เสียชีวิต
มีการระงับการบินของคองคอร์ดทุกเที่ยวบินเพื่อสอบสวนหาสาเหตุและแก้ไข คองคอร์ดเที่ยวบินแรกหลังอุบัติเหตุ ทำการบินทดสอบเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2544 และทำการบินพร้อมผู้โดยสารเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 กันยายน2544 วันเดียวกับการเกิดวินาศกรรม 11 กันยายน 2544
ความตกต่ำของอุตสาหกรรมการบินหลังเหตุการณ์ 9/11 ทำให้แอร์ฟรานซ์และบริติชแอร์เวย์ ตัดสินใจประกาศยกเลิกการใช้งานเครื่องบินคองคอร์ดทั้งหมด ในปีพ.ศ.2546 เนื่องจากมีผู้ใช้บริการน้อยและมีต้นทุนสูง

รายละเอียดของ เครื่องบินคองคอร์ด

  • ผู้สร้าง: บริษัท บีเอซีแอโรสปาติออง (อังกฤษ-ฝรั่งเศส)
  • ประเภท: เครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง ทำการบินด้วยนักบิน 3 คน จำนวณที่นั่งผู้โดยสาร 128 ที่นั่ง
  • เครื่องยนต์: เทอร์โบเจ๊ต รอลส์-รอยซ์/สเนคมา โอลิมปัส 593 หมายเลข 610 ให้แรงขับเครื่องละ 17,260 กิโลกรัม และเพิ่มแรงขับอีก 17% เมื่อใช้สันดาปท้าย จำนวน 4 เครื่อง พร้อมเครื่องเก็บเสียง และ อุปกรณ์กลับแรงขับ
  • กางปีก: 25.60 เมตร
  • ยาว: 62.17 เมตร
  • สูง: 12.19 เมตร
  • พื้นที่ปีก: 358.25 ตารางเมตร
  • น้ำหนักเปล่า: 78,700 กิโลกรัม
  • น้ำหนักบรรทุกปกติ: 11,340 กิโลกรัม
  • น้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 12,700 กิโลกรัม
  • น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด: 185,065 กิโลกรัม
  • น้ำหนักร่อนลงสูงสุด: 111,130 กิโลกรัม
  • อัตราเร็วเดินทางขั้นสูง: 2,179 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • อัตราไต่ที่ระดับน้ำทะเล: 1,525 เมตร
  • เพดานบินใช้งาน: 60,000 ฟุต
  • อัตราเร็ววิ่งขึ้น: 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • อัตราเร็วร่อนลง: 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ระยะทางวิ่งขึ้นพ้น 10.7 เมตร: 3,600 เมตร
  • ระยะทางร่อนลงจาก 10.7 เมตร: 2,220 เมตร
  • พิสัยบิน: 4,900 กิโลเมตร เมื่อมีภารกรรมบรรทุกสูงสุด
  • 7,215 กิโลเมตร เมื่อบรรทุกเชื้อเพลิงสูงสุด




วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทึ่ง...สภาพ"ส้วม"จากหลายประเทศทั่วโลก

ประเทศเยอรมนี



ประเทศธิเบต



ประเทศฝรั่งเศส (รวมถึงประเทศใกล้เคียงในทวีปยุโรป)


ประเทศญี่ปุ่น มี 2 แบบ





ในแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 




ประเทศอินเดีย


ประเทศกัมพูชา



ประเทศเนเธอแลนด์



ประเทศจีน




ประเทศมาลาวี



ประเทศลาว



ประเทศเม็กซิโก

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

'อเลสซานโดร โวลตา'


วันที่ 18 ก.พ. 2558 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดของอเลสซานโดร โวลตา 270 ปี 
อเลสซานโดร โวลตา เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช 1745 เขาเป็นนักฟิสิกส์ชาวลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี อเลสซานโดร โวลตาเป็นผู้คิดค้นสิ่งที่เราทุกคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ "แบตเตอรี่" นั่นเอง หรือเรียกว่าเซลล์ไฟฟ้าเคมี
อเลสซานโดร โวลตาคิดค้นได้ในปีคริสต์ศักราช 1800 และเขาได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปีคริสต์ศักราช 1827 การคิดค้นแบตเตอรี่ของเขานำไปสู่การพัมนาการสิ่งที่เราใช้งานอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, โน๊ตบุ๊ค และอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นยุดแห่งการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างแท้จริง

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

10 อันดับ รถ ที่มีราคา'แพงที่สุด'!!!!

10. Lamborghini Aventador

Lamborghini Aventador

ซูเปอร์คาร์กระทิงดุรุ่นยอดนิยมของค่าย ออกแบบโฉบเฉี่ยวสมกับรถสปอร์ตในปัจจุบัน ภายในหรูหราด้วยวัสดุชั้นยอด มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 700 แรงม้า ทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที นับว่าเร็วมากทีเดียว ด้านราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 441,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) สมกับเป็นสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ของมัน


9. Rolls Royce Phantom

Rolls Royce Phantom

รุ่นชูโรงสุดหรูของโรลส์ รอยซ์ ด้วยงานประกอบระดับเทพ วัสดุภายในคุณภาพสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจัดเต็ม ทั้งยังมีให้เลือกทั้งรุ่นคูเป้ เปิดประทุน และสี่ประตูแบบซาลูน ตามความต้องการ ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,750 ซีซี กำลัง 453 แรงม้า แรงกำลังดี ส่วนราคาเริ่มต้น 474,990 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท)




Porsche 918 Spyder

รถสปอร์ตไฮบริดจากปอร์เช่ที่ไมได้มีดีแค่การประหยัดน้ำมัน แต่ยังมาพร้อมความแรงและฟิลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตเหลือกิน เหลือใช้กับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,600 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมกัน 887 แรงม้า ส่วนราคานั้นแรงสะใจที่ 929,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท)

 7. McLaren P1 



สุดยอดรถสปอร์ตจากแม็คลาเรน (McLaren) ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษ ทีเด็ดอยู่ที่เป็นรถสปอร์ตไฮบริดที่ออกแบบทุกอย่างเพื่อใช้น้ำมันให้คุ้มค่าทุกหยด โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3,800 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกันถึง 903 แรงม้า ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 42 ล้านบาท) แพงสมกับเป็นรถสปอร์ตเทคโนโลยีใหม่จริง ๆ


6. Hennessey Venom GT

Hennessey Venom GT

ใครว่าซูเปอร์คาร์มีเฉพาะในยุโรป สหรัฐฯ เองก็สร้างซูเปอร์คาร์ตัวแรงได้ดีไม่แพ้กัน ด้วย เฮนเนสซี เวนอม จีที (Hennessey Venom GT) เจ้าของความเร็ว 435 กม./ชม. ซึ่งสูงที่สุดในปัจจุบัน (แต่ยังไม่ได้การรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก) สร้างจากโครงสร้างของโลตัส เอ็กซีก (Lotus Exige) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 7,000 ซีซี เทอร์โบชาร์จคู่ มีกำลัง 1,244 แรงม้า ซึ่งรุ่นสูงสุดของมันมีราคาอยู่ที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38 ล้านบาท)

5. Pagani Huayra

Pagani Huayra

พากานิ ไวร่า (Pagani Huayra) ซูเปอร์คาร์จากอิตาลีที่มาแรงไม่แพ้แลมโบกินีและเฟอร์รารี (Ferrari) ใช้เครื่องยนต์ V12 Bi Turbo ขนาด 6,000 ซีซี จากเอเอ็มจี (AMG) พร้อมด้วยระบบปีกรับลมอัตโนมัติ เพิ่มแรงกดเพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ด้านสนนราคานั้นเริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45 ล้านบาท)

4. Ferrari LaFerrari  



นับเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นที่แรงที่สุดของเฟอร์รารี่ในปัจจุบัน โดยเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรก ๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไฮบริดมาใช้ ผสานกำลังกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,300 ซีซี กำลัง 963 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ทำความเร็วได้มากกว่า 350 กม./ชม. ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่แรงที่สุดบนโลกในขณะนี้ ทั้งนี้ มันถูกผลิตเพียง 499 คัน เท่านั้น ส่วนราคาของมันเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 52.6 ล้านบาท) 


 3. Bugatti Veyron 

2013 Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse

ซูเปอร์คาร์ผู้เป็นเจ้าของความเร็ว 432 กม./ชม. ใช้เครื่องยนต์ W16 Quad Turbo ขนาด 8,000 ซีซี กำลัง 1,200 แรงม้า ตั้งเป้าจำหน่ายให้ได้ 500 คัน และยังเหลือีก 50 คันให้เป็นเจ้าของ ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 81 ล้านบาท)


2. Koenigsegg One:1  

Koenigsegg One 1

มาแรงแซงโค้งจริง ๆ สำหรับผู้ผลิตจากประเทศสวีเดนที่ทำรถเพียงไม่กี่ปีแต่ก็สามารถครองใจคนรักความเร็วได้อย่างรวดเร็ว โดยโคนิกเซกก์ วัน:1 (Koenigsegg One:1) เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีให้มีกำลัง 1 แรงม้า รองรับน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5,000 ซีซี ให้กำลัง 1,341 แรงม้า ส่วนน้ำหนักกอยู่ที่ 1,341 แรงม้า เช่นกัน ด้วยความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ราคาของมันจึงสูงถึง 2.85 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 92 ล้านบาท) 


1. Lamborghini Veneno 

Lamborghini Veneno


 รถสปอร์ตรุ่นพิเศษจากแลมโบกินี่ (Lamborghini) ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 9 คันเท่านั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 750 แรงม้า ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. พร้อมด้วยราคาจำหน่ายสูงถึงคันละ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) แพงที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ยังมีขายในปี 2014 เลยทีเดียว

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

2015 Route


Sporting aspects


The route

Running from Saturday July 4th to Sunday July 26th 2015, the 102th Tour de France will be made up of 21 stages and will cover a total distance of 3,344 kilometres (before ratification).
  • 9 flat stages
  • 3 hilly stages
  • 7 mountain stages including 5 summit finishes
  • 1 individual time trial
  • 1 team time trial
  • 2 rest days

Distinctive aspects of the race

21 and 6
This 21st Grand Départ from abroad will also be the 6th from the Netherlands which is a record. The Tour will then spend two days in Belgium before reaching France.
A MINI PARIS – ROUBAIX
Like in 2014, the peloton will have its share of cobbled portions during stage 4 between Seraing and Cambrai. There will be seven sectors over a distance of 13.3 kilometres.
MUR AND MÛR
Two final climbs will spice up the first week of racing. First of all, the climb up the Mur de Huy (1.3 km at 9.6%), which is the traditionnal finish of the Flèche Wallonne, where stage 3 will end. Then, the climb up the Côte de Mûr de Bretagne (2 km at 6.9% with some passages at 15%), known as the Alpe-d’Huez of Britanny and already on the course in 2011, where the finish of stage 8 will take place.

6 new stage cities

  • Utrecht (start of stages 1 and 2)
  • Zélande (finish of stage 2)
  • Livarot (start of stage 7)
  • La Pierre-Saint-Martin(finish of stage 10)
  • Muret (start of stage 13)
  • Sèvres - Grand Paris Seine Ouest(start of stage 21)